วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้ (วิธีซักผ้า ผ้าสี,ผ้าตกสี,ผ้าเปื้อนเลือด,ผ้าเปื้อนน้ำมัน,ผ้าเปื้อนดินน้ำมัน)

การซักผ้าสี ทุกชนิด  ก่อนจะนำผ้าไปซักให้นำไปแช่ในน้ำเกลือสัก 1 ชั่วโมงก่อน แล้วจึงนำไปซักตามกระบวนการปรกติ  จะทำให้สีสดขึ้น  หากมีสีตกนิดๆ ก็จะตกน้อยลงหรือไม่ตกเลย  เวลาตากควรตากในที่ร่มมีลมโกรก หรือมีแดดอ่อนๆ ไม่ควรตากกลางแดดจัด  จะทำให้สีหมองหรือสีซีดลงไปได้
การซักผ้าตกสีหรือสีตก  ผ้าสีหรือผ้าพิมพ์ลายดอกเป็นสีต่างๆนั้น  บางชิ้นเอาสีไม่ดีมาพิมพ์หรือมาย้อม เมือซื้อมาแล้วเอามาซักสีก็จะตก  ตอนแรกต้องแยกซัก หรือซักกับผ้าสีเข้มๆ และเอาไปแช่ในน้ำเกลือก่อนซัก  (ดังหัวข้อข้างต้น) เมื่อหายตกแล้วจึงซักตามปรกติได้
ผ้าเปื้อนเลือด หากผ้าเปื้อนเลือดเป็นรอยไม่มากนัก  ให้เอาแป้งมันผสมน้ำเย็นข้นๆ พอกลงไปบนรอยเปื้อนแล้วทิ้งไว้นานๆ  แล้วจึงซักตามปรกติ  รอยเปื้อนเลือดก็จะหายไปหรือจางลง  แต่ถ้าเปื้อนมากเกือบทั้งผืน ก็คงทิ้งผ้านั้นไปเลยจะดีกว่า
ผ้าเปื้อนน้ำมันทุกชนิด  (นอกจากน้ำมันเครื่อง) ก่อนซัดให้เอาสำลีชุบยูคาลิปตัสให้ชุ่ม  นำไปชุบตรงบริเวณที่เปื้อนน้ำมัน รอยเปื้อนจะค่อยๆจางหายไป หรือทำให้ซักง่ายขึ้น
ผ้าเปื้อนดินน้ำมัน  ดินน้ำมันที่เอามาใช้ปั้นในการเรียนก็ดี  เอามาปั้นเป็นแบบของช่างปั้นก็ดี  หากเปื้อนเสื้อผ้าหลังจากที่แกะดินน้ำมันที่ติดอยู่ออกแล้ว  ให้ถูตรงรอยเปื้อนนั้นด้วยไขสัตว์  หรือน้ำมันสน  จากนั้นจึงนำไปซักตามธรรมดา

เกร็ดความรู้(วิธีล้างเครื่องแก้ว,แจกัน,ขวดนม,ช้อนส้อม)

เครื่องแก้ว ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ จานชาม หรือถาด  ถ้าต้องการล้างให้สะอาดน่าใช้  ให้เอาเกลือป่นกับน้ำส้มสายชู  อย่างละเท่าๆกันผสมกันเข้า  แล้วนำมาเช็ดล้างเครื่องแก้วก่อนล้างน้ำ  จะทำให้เครื่องแก้วใสสะอาด
แจกัน หรือ ขวดนม ไม่ว่าจะทำด้วยแก้วหรือพลาสติก เวลาจะทำความสะอาดภายในนั้น  ค่อนข้างนยาก  เพราะไม่สามารถสอดมือเข้าไปได้  ให้ใช้กากใบชาเปียกๆที่ชงแล้ว  ราดด้วยน้ำส้มสายชูเล็กน้อย  ใส่ลงไปในแจกันหรือขวดนมแล้วเขย่าแรงๆ  ก็จะทำให้สะอาดขึ้นได้  หากมีกลิ่นเหม็นก็จะหายไปด้วย
ช้อนส้อม ไม่ว่าจะทำด้วยเงินหรือสเตนเลส ใช้ไปนานๆก็จะหมองและเป็นรอย  วิธีล้างทำดังนี้
- เอาช้อนส้อมใส่ในภาชนะ  ต้มในน้ำสบู่ผสมแอมโมเนียสักครู่  แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด  ขัดด้วยผ้าแห้งๆ  ช้อนส้อมจะสะอาดแวววาวดี
- ถ้าเป็นช้อนส้อมเงิน  ให้เอาไปต้มในน้ำนม แล้วเช็ดให้แห้ง จะเป็นเงางาม
- ช้อนส้อมที่ใช้งานมานานจนเก่านั้น  ให้แช่ลงไปในน้ำที่ผสมเกลือ 1 ช้อนชา  และนมสดข้นๆ 3 4 หยด  ทิ้งไว้นานสักหน่อย  แล้วนำขึ้นมาเช็ดให้แห้ง ช้อนส้อมนั้นจะกลับมาสดใสแวววาวเหมือนใหม่

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้(ต้มผักให้สีสวย,เชื่อมกล้วยให้ใสไม่เละ,แช่อิ่มผลไม้ให้กรอบ)

ถ้าต้องการ ต้มผักให้มีสีสวยสด ตามธรรมชาติ  เวลาต้มให้ฝานเปลือกมะนาวลงไปด้วยสักหนึ่งชิ้น  ผักก็จะมีสีสวยสดตามต้องการ
ถ้าต้องการ เชื่อมกล้วย ให้มองดูใสน่ารับประทานและไม่เละ  นอกจากจะใช้กล้วยห่ามๆแล้ว  ต้องมีส่วนผสมของน้ำกับน้ำตาลพอดีๆ  เชื่อมพอเป็นยางมะตูมแล้วบีบน้ำมะนาว 2 ซีกหรือประมาณ 1 ช้อนชาผสมลงไปด้วย  แล้วเคี่ยวต่อไปกล้วยจะใส
ผลไม้แช่อิ่ม  ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะขาม มะม่วง มะยม  มะดัน ฯลฯ  สามารถจะนำมาทำเป็นผลไม้แช่อิ่มไว้รับประทาน  ซึ่งเป็นวิธีถนอมอาหารที่เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษอันมีมาแต่โบราณกาล  เพื่อให้ได้รสหวานไม่เปรี้ยวเกิน และกรอบอร่อย  ให้ทำดังนี้
เอาผลไม้นั้นลงแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 1 หรือ 2 ชั่วโมงแล้วนำขึ้นผึ่งไว้ให้แห้ง  จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเกลืออีกสักครึ่งชั่วโมง  แล้วจึงนำไปล้างน้ำ  เมื่อเอาลงเคี่ยวในน้ำตาลจนน้ำตาลแห้งงวดเป็นผลไม้แช่อิ่มโดยสมบูรณ์  วิธีนี้จะทำให้ผลไม้แช่อิ่มนั้นหวานกรอบ  และรสเปรี้ยวจะหายไปมาก หรือเปรี้ยวแต่น้อย

เกร็ดความรู้(วิธีแก้หน่อไม้ดองเปรี้ยว,สายบัวดำ,ดอกแคขม)

หน่อไม้ดอง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ให้นำหน่อไม้ดองที่จะนำไปทำอาหาร  ไปล้างในน้ำซาวข้าวเสียก่อน  แล้วจึงเอาไปปรุงอาหาร  กลิ่นเหม็นเปรี้ยวก็จะหายไป
หน่อไม้ฝอยหรือหน่อไม้ที่บรรจุปี๊บไว้ก็มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหมือนกัน  ถึงต้มน้ำทิ้งก็ไม่หาย  แต่ถ้าเอาน้ำตาลใส่สัก 1 ช้อนโต๊ะ  และเกลือป่นสัก 1 ช้อนชา ใส่ลงไปต้ม  เพียงน้ำเดียวกลิ่นเหม็นเปรี้ยวก็จะหมดไป
สายบัว  ถ้าจะผัดสายบัวให้ขาวน่ากิน  อย่าใส่น้ำปลา  ให้ใส่เกลือแทน  สายบัวจะขาวไม่ดำ
ดอกแค  ที่เราเอามาต้มจิ้มน้ำพริกหรือแกงส้ม ปรกติจะมีรสขมในตัวของมัน  วิธีแก้ไม่ให้ดอกแคขม  ก็โดยตัดหรือเด็ดยอดเกสรดอกแค  ซึ่งมีสีเหลืองอยู่ข้างในดอก  ออกทิ้งเสียก่อน  เพราะเกสรดอกแคขม  เด็ดทิ้งแล้วความขมก็จะหายไป

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้(ทำมะระให้หายขม,ต้มหน่อไม้หรือขี้เหล็กให้หายขื่น,หรือหายขม,ต้มมันฝรั่งให้มีสีขาว)

ถ้าต้องการทำให้มะระมีรสขมลดลงทำได้โดย  เมื่อหั่นมะระเป็นชิ้นๆแล้ว ให้เอาไปคลุกเกลือป่นให้ทั่วแล้วทิ้งไว้สักพักหนึ่ง  ประมาณ 5 นาที  แล้วเอาไปล้างเกลือออก  รสขมในมะระจะหายไปหรือลดลง
หน่อไม้สดแทบทุกชนิดมีรสขื่น  วิธีต้มไม่ให้หน่อไม้มีรสขื่น ก็โดยใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยขณะต้ม  หน่อไม้จะหายขื่น 
การต้มหน่อไม้หรือผักขี้เหล็กให้หายขม  ให้เอามะเขือพวง (ห้ามทุบหรือผ่าซีก) ใส่ลงไปในหม้อต้มด้วย  เพียงน้ำเดียวก็หายขม
มันฝรั่งเมื่อปอกใหม่ๆจะมีสีขาว  แต่ถ้าทิ้งไว้สักครู่ ยางของมันที่ซึมออกมา  จะทำให้มันฝรั่งมีสีดำอมม่วง  เมื่อเอาไปต้มสีจะไม่สวย  เพื่อให้มันฝรั่งมีสีขาวสวยน่ากิน  ให้เอาเกลือสักเล็กน้อยและนมสดสัก 2 ช้อนโต๊ะ  ผสมลงไปในน้ำที่จะใช้ต้มมัน  น้ำผสมนี้จะช่วยให้มันฝรั่งมีสีขาวและสวยน่ากิน มีรสอร่อยมากขึ้นด้วย

เกร็ดความรู้(วิธีต้มปลาให้ก้างยุ่ยนุ่ม,วิธีดับกลิ่นสาบของเป็ด,วิธีแก้น้ำแกงจืดเค็มไป )

ต้องใช้ออ้ยสดปอกเปลือกออก  ตัดเป็นเสี้ยวเล็กๆวางเรียงบนก้นหม้อ  แล้วจึงนำปลามาวางเรียงทับบนอ้อย  เติมนำพอควร  นำหม้อขึ้นตั้งไฟนานสัก 40 นาที  จะได้ปลาที่มีเนื้อแข็ง ก้างนุ่ม  และเก็บไว้ได้นาน
เป็ดสดมักมีกลิ่นสาป  วิธีแก้ก็คือ  ก่อนนำไปรุงอาหารให้เอาเป็ดสดที่ถอนขนแล้ว  ลงไปแช่น้ำที่ผสมละลายด้วย "เบคกิ้งโซดา" ครึ่งช้อนชา  แล้วเอาเป็ดที่แช่นั้นเข้าตู้เย็นประมาณครึงชั่วโมง  จึงเอาออก จากตู้เย็น  เวลาจะปรุงอาหารก็ล้างเสียก่อน  เป็ดจะไม่มีกลิ่นสาปเลย
ถ้าแกงจืดเค็มไปโดยไม่เจตนา และจะแก้โดยเติมน้ำให้เค็มลดลง  น้ำก็จะมากเกินไปและรสจะไม่อร่อย  วิธีแก้คือ  ใช้ข้าวสารที่ล้างสะอาดแล้ว ห่อด้วยผ้าขาวบางให้เรียบร้อย  ใส่ลงไปต้มกับน้ำแกง  สักครู่รสเค็มจะถูกดูดออกไป  แล้วปรุงรสใหม่ได้ไม่ยาก  เสร็จแล้วก็เอาข้าวสารในห่อทิ้งไปได้

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้ ( วิธีแก้คาวปลาติดมือ,วิธีเก็บปลาในตู้เย็น,วิธีต้มปลาไม่ให้เนื้อยุ่ยและ,ไม่ให้เหม็นคาว)

เวลาทำปลา  คาวปลาจะเหม็นติดมือ  ล้างไม่ค่อยจะออก  วิธีแก้  ให้เอาเกลือผงทามือให้ทั่ว  ถ้าไม่มีเกลือผง   แตมีเกลือเม็ด  ให้เอาเกลือเม็ดละลายน้ำให้เข้มข้น  แล้วจุ่มมือลงไปให้ความเค็มติดมือ  เมื่อทำปลาเสร็จแล้วจะล้างกลิ่นคาวปลาออกได้ง่ายขึ้น  แถมถ้าล้างมือซ้ำด้วยน้ำแช่เปลือกมะนาว จะทำให้มือมีกลิ่นหอมสดชื่นด้วย
ถ้าจำเป็นที่จะต้องเก็บปลาที่ทำแล้วไว้ในตู้เย็นเพื่อจะได้นำไปทำอาหารในมื้อต่อไป  กลิ่นคาวของปลามักจะติดของอื่นในตู้เย็น หรือทำให้ใน ตู้เย็นเหม็นคาวปลา  ให้เอาผงกาแฟโรยบนปลา จะระงับกลิ่นคาวได้ชะงัด  เมื่อจะเอาปลาไปปรุงอาหาร ค่อยเอาปลาไปล้างน้ำให้สะอาด
วิธีต้มปลา  ต้องต้มน้ำให้เดือดเสียก่อนแล้วจึงใส่ปลาลงไป  เหยาะน้ำส้มสายชูลงไปนิดหน่อย  จะช่วยไม่ให้ปลาเหม็นคาว  และหากบีบมะนาวลงไปสักเล็กน้อย  จะช่วยไม่ให้เนื้อปลาเละ

เกร็ดความรู้(ล้างเมือกปลา,วิธีขอดเกล็ดปลาอย่างง่ายๆ,วิธีขจัดคาวปลาดุก)

ปลาที่ไม่มีเกล็ดมักจะมีเมือกตามตัวมาก  ล้างออกยาก  วิธีที่จะล้างเมือกปลาออกให้หมดง่ายๆก็คือ  ให้เอาแป้งมันใส่ลงไปในชามหรือภาชนะใดที่มีขนาดเหมาะกับตัวปลา  แล้วเอาปลาลงไปคลุกแป้ง  เติมน้ำลงไปสักเล็กน้อย  เมื่อคลุกแป้งจนทั่วตัวแล้ว  ก็เอาปลาขึ้นมาล้าง  เมือกจะหายไปหมด
สำหรับปลาที่มีเกล็ดนั้นไม่มีปัญหา  เมื่อขอดเกล็ดออกทิ้งไป  เมือกที่จับอยู่ที่เกล็ดก็จะหลุดออกไปด้วย
วิธีขอดเกล็ดปลาอย่างง่ายๆ  ให้เอาปลาที่จะขอดเกล็ดวางนอนในชามอ่าง  ราดด้วยน้ำเดือดลงไปแล้วเอาปลาขึ้นจากน้ำร้อนทันที  จากนั้นเอาปลาลงแช่ในน้ำเย็นอีกอ่างหนึ่ง  เกล็ดปลาจะหลุดออกอย่างง่ายดาย  เพียงแค่ถูเบาๆเท่านั้น
วิธีขจัดคาวปลาดุก  ปลาดุกเป็นปลาที่มีคาวจัด  ก่อนจะนำไปประกอบอาหาร  ลองเอาขี้เถ้าใต้เตา (นั่นหมายความว่าคุณยังมีเตาถ่านไม้ใช้อยู่) มาขัดตัวปลาหลายๆครั้งจนเมือกหมด  แล้วจึงล้างน้ำให้สะอาด  เมื่อเอาไปทำอาหารจะไม่คาว

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้(ทอดของในน้ำมันไม่ให้น้ำมันกระเด็น) วิธีทอดปลาสดไม่ให้ติดกระทะ

การทอดของในน้ำมันไม่ว่าจะเป็น หมู เนื้อ ปลา ไก่ หรือไข่ มักจะอมน้ำมัน ถ้ารินน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำมันสักเล็กน้อยในขณะทอด  ของที่ทอดจะไม่ดูดน้ำมัน  ถ้าขณะทอดมีน้ำมันกระเด็นมากๆ  ก็ให้เอาเกลือป่นโรยลงไปในน้ำมันสักเล็กน้อย  จะช่วยให้กระเด็นน้อยลง
 ปลาสดเวลานำไปทอดแล้วมักติดกระทะ  มีอยู่ 2 วิธีที่จะป้องกันไม่ให้ปลาติดกระทะคือ
1  ให้โรยเกลือป่นลงในหระทะที่ตั้งไฟเสียก่อน  แล้วจึงใส่น้ำมัน  พอน้ำมันร้อนจึงใส่ปลาที่จะทอดลงไป  ปลาจะไม่ติดกระทะ
2  ฝานขิงสดบางๆสัก 4 - 5 แว่น ทาก้นกระทะให้ทั่วก่อนตั้งไฟ  แล้วจึงใส่น้ำมัน  พอน้ำมันร้อนจึงใส่ปลาลงทอด    ปลาจะไม่ติดกระทะ

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร้ดความรู้(นึ่งข้าวเหนียวให้เมล็ดใส)

ให้เอาสารส้มไปแกว่งในน้ำที่จะแช่ข้าวเหนียว  แล้วแช่ข้าวทิ้งไว้หนึ่งคืนจึงเอาไปนึ่ง  จะได้ข้าวเหนียวเมล็ดใสน่ารับประทาน คนทางภาคเหนือนิยมเอาน้ำแช่ข้าวเหนียวเก็บไว้ส่วนหนึ่ง  แล้วเอาไปผสมกับน้ำที่จะแช่ข้าวในวันต่อไป  เป็นอย่างที่เขาเรียกกันว่าน้ำเชื้อ  จะทำให้ข้าวเหนียวนึ่งนุ่มและมีกลิ่นหอม
ปกติจะแช่ข้าวเหนียวไว้หนึงคืน  แล้วจึงเอาไปนึ่ง  แต่ถ้าไม่ได้แช่ไว้  และต้องการให้ข้าวเหนียวนึ่งสุกเร็ว  ให้เอาข้าวเหนียวแช่ในน้ำร้อน  (ไม่ใช่ในน้ำเดือด)  ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนนำไปนึ่งก็ได้

เกร็ดความรู้ ในการประกอบอาหาร (วิธีหุงข้าวให้สวยและนุ่ม)

เทคนิคในการประกอบอาหาร หรือวิธีแก้ปัญหาต่างๆ  บางเรื่องเหมือนป็นหญ้าปากคอก  คือเมื่อรู้ก็จะเป็นเรื่องง่ายๆ จึงรวบรวมไว้พอเป็นแนวทาง
การหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ   หรือแบบไม่เช็ดน้ำก็ตาม  เมล็ดข้าวไม่ค่อยสวย  แตกบ้างหักบ้าง  วิธีที่จะทำให้เมล็ดข้าวสวย  เวลาข้าวเดือดให้บีบน้ำมะนาวหยดลงไปสัก 2-3 หยด  เมล็ดข้าวจะสวยงามอย่างน่าทึ่งทีเดียว   แถมทำให้ข้าวนุ่มด้วย
วิธีขจัดกลิ่นข้าวไหม้
วิธีหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ บางครั้งมีข้าวไหม้ก้นหม้อได้ ทำให้มีกลิ่นเหม็นไหม้  วิธีแก้ให้กลิ่นเหม็นไหม้จางหายไปก็ไม่ยาก ให้ใช้ถ่านไม้ที่ใช้หุงข้าวนั่นแหละใส่ถ้วยเล็กๆวางไว้ในหม้อ  แล้วปิดฝาหม้อให้สนิท  กลิ่นไหม้จะถูกถ่านดูดซับไปจนไม่มีเหลือ

เกร็ดความรู้(วิธีเลือกซื้อเนื้อหมู)

การเลือกซื้อเนื้อหมู  ต้องเลือกให้ถูกกับชนิดของอาหาร  อาหารบางชนิดต้องใช้หมูสามชั้น บางชนิดต้องใช้หมูติดมัน  บางชนิดต้องใช้เนื้อหมูล้วนๆ  บางชนิดต้องใช้เนื้อหมูติดกระดูก
  วิธีดูว่าเนื้อหมูสดใหม่หรือไม่  พิจารณาได้ดังนี้
-เนื้อหมูมีสีชมพูสด
-มันหมูมีสีขาว  (ถ้าไม่สดมันหมูจะสีออกเหลือง)
-ไม่มีกลิ่นเหม็น
-เนื้อหมูมีความชื้นพอสมควรไม่แห้งผาก
เนื้อหมูที่ดีจะต้องมีหนังหมูที่เกลี้ยงเกลาและลื่น  ถ้าเป็นเนื้อหมูไม่สด หนังหมูจะเหนียวหนึบ

เกร็ดความรู้ (วิธีเลือกเนื้อวัวสด)

ต้องรู้ว่าจะเอาเนื้อวัวไปทำอาหารอะไร  เพราะจะได้เลือกซื้อเนื้อวัวให้ถูกต้องกับการปรุงอาหารประเภทนั้นๆ   เช่น
อาหารประเภทยำ  หรือทอด  ต้องใช้เนื้อที่เปื่อยง่าย เช่นเนื้อสันใน  เพราะอาหารดังกล่าว มักใช้เนื้อดิบๆลวกพอสุก หรือเนื้อทอดก็ใช้เวลาทอดไม่นาน ไม่ทอดจนแห้งแข็ง  หากเป็นอาหารประเภทต้องต้มเคี่ยวให้เปื่อย  เคี่ยวนานๆก็ใช้เนื้อขา  เนื้อสะโพก  แต่ถ้าเคี่ยวพอดีๆ  เช่นทำแกงเผ็ด หรือสตูว์  หรือมัสหมั่นก็ใช้เนื้อสันนอก  ถ้าจะต้มซุป  ต้มยำก็ควรเลือกเนื้อที่มีเอ็นปนอยู่บ้าง  เพราะส่วนประกอบในเอ็นจะสลายตัวเป็นเจลลาติน  (ลักษณะเหมือนวุ้น)  เมื่อได้รับความร้อนนานๆ  จะทำให้น้ำซุปมีรสกลมกล่อม  อร่อยยิ่งขึ้น    วิธีเลือกเนื้อว่าจะสดหรือไม่ เหมือนเลือกเนื้อหมู   โดยพิจารณาดังนี้
-เนื้อต้องมีสีแดงสด 
-เนื้อมีความชื้นพอสมควรไม่แห้งผาก 
-เนื้อต้องแน่น  กดแล้วไม่ยุบ

เกร็ดความรู้(วิธีขจัดกลิ่นเนื้อและดับกลิ่นคาว)

เนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูหรือเนื้อวัว  ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นนานเกินไปจะมีกลิ่น  ให้นำไปแช่ในน้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชู  ทิ้งไว้สักครู่กลิ่นจะหายไป 
เนื้อสัตว์บางชนิดมีกลิ่นแรง  โดยเฉพาะสัตว์ป่า  เช่น นก ไก่ป่า หมูป่า  วัวป่า  ก่อนนำมาปรุงอาหาร  ให้เอาสุราชนิดใดก็ได้ (ตามชอบหรือตามกำลังทรัพย์)  เทลงไปคลุกเคลล้าให้ทั่ว  หมักทิ้งไว้สัก 10- 15  นาที  แล้วล้างออก  เนื้อสัตว์จะหมดกลิ่คาว  ทั้งทำให้นุ่ม รสดีขึ้นด้วย

เกร็ดความรู้(หมักเนื้อให้เปื่อย)

ก่อนจะนำเนื้อสดไปย่าง  ควรเอาลงแช่ในน้ำสุกร้อนๆ (ไม่ใช่น้ำเดือด) สักครู่หนึ่งก่อน  จะทำให้เนื้ออ่อนยุ่ยดี  
หรือใช้ยางมะละกอ  ที่ได้จากการกรีดผิวลูกมะละกอเคล้าเนื้อทิ้งไว้สักพัก  แล้วนำไปปรุงอาหาร  (ประเภทต้มแกง)  โดยไม่ต้องล้างน้ำ  เนื้อจะอ่อนยุ่ยดี
หรือเอาเนื้อมาแล่ผังผืดออกให้หมด  ทาด้วยน้ำมันพืชให้ทั่วทั้งก้อน  ใส่ถุงหรือกล่องพลาสติกให้มิดชิดเก็บไว้ในช่องฟรีซ(ช่องทำน้ำแข็ง) ของตู้เย็น ประมาณ 3-4 วัน  แล้วจึงนำออกมาปรุงอาหาร  เนื้อจะเปื่อยและยุ่ยดี

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เกร็ดความรู้ (วิธีเลือกปูม้าหรือปูทะเล)

ปูทะเล หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปูดำนั้น ต้องเลือกซื้อปูสดเป็นๆ เคลื่อนไหวได้ปูตายแล้วเนื้อจะหดโพรกลงไป  นำปรุงอาหารจะไม่ค่อยอร่อยเลย   ต้องเลือกตัวที่มีน้ำหนัก(ไม่เลือกตัวเบาๆ) เนื้อจะแน่นหวาน  ปรกติเขาจะมัดขาและก้ามปูไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว  แต่วิธีดูว่ามันยังเป็นหรือมีชีวิตอยู่หรือไม่  ให้เอานิ้วแหย่ลูกตาปูดู (ห้ามแหย่ก้ามปู เพราะจะโดนหนีบ) ถ้าตามันกระดุกกระดิกแสดงว่ายังมีชีวิตอยู่
ส่วนปูม้าที่เอามาขาย มักเป็นปูที่ตายแล้ว  ให้เลือกตัวที่มีน้าหนักมากเนื้อจะแน่น  ทั้งปูม้าและปูทะเล  หากต้องการรู้ว่ามันเป็นปูตัวผูหรือตัวเมีย  ให้ดูที่ฝาปิดหน้าอกของมัน  ปูตัวผู้เป็นปูเนื้อจะมีฝาปิดหน้าอกเล็ก ส่วนปูตัวเมียเป็นปูไข่  ฝาปิดหน้าอกมันจะใหญ่กว้าง  เพราะมันเก็บไข่ไว้ในฝาปิดอกของมัน

เกร็ดความรู้ (วิธีเลือกซื้อปลาสด)

ถ้าซื้อปลาเป็นๆ (มักเป็นปลาน้ำจืด) มาทำเอง หรือให้คนขายทำให้ ก็หมดปัญหา  แต่ถ้าซื้อปลาตายมักเป็นปลาทะเล)  วิธีเลือกให้ได้ปลาที่สดๆ จะไดเอาไปปรุงอาหารได้อร่อย เนื้อจะหวานอร่อยกว่าเยอะ) ให้ดูดังนี้  
ลำตัวสดใส เนื้อแน่น
ไม่มีกลิ่นเหม็นผิดปรกติ  นอกจากกลิ่นคาวปลาตามธรรมดา
ตาสดใสสีน้ำเงิน ไม่แดง ไม่จมลงในเบ้าตา
เหงือกปลามีสีแดง ดูสดใส  ไม่ใช่สีซีด

เกร็ดความรู้ (วิธีเลือกซื้อหอย)

หอยที่มนุษย์นำมาเป็ฯอาหารนั้น  มีทั้งหอยทะเลและหอยน้ำจืด จากแม่น้ำลำคลองหนองบึง หอยทะเลที่คนชอบกินสดๆ  ก็มีหอยนางรม หอยแครง  ส่วนหอยแมลงภู่  หอยลาย  หอยขาว หอยหลอด หอยขม  หอยโข่ง หอยเชอรี่  นั้นต้องเอามาผัด ต้ม แกง ให้สุกเสียก่อน จึงจะรับประทานได้
วิธีเลือกซื้อเพื่อให้ได้หอยสดๆ มีดังนี้
-ตัวหอยอยู่ในสภาพดี ไม่บุบหรือแตก ไม่มีกลิ่นเหม็น
-ปากกหุบแน่น  ถ้าเปิดอ้าบ้าง  ก็สามารถหุบแน่นได้เมื่อมีอะไรไปกระทบตัวมัน
วิธีทำความสะอาดหอยทั้งเปลือก    ให้นำหอยใส่ในน้ำให้ท่วมตัวหอยพอสมควร  แล้วใส่ข้าวสุกลงแช่กวนให้ทั่ว   ทิ้งไว้สักครู่    ค่อยกวนและเทน้ำและข้าวทิ้งผ่านตะแกรงที่มีขนาดรูให้ข้าวผ่านได้  แต่หอยผ่านไม่ได้   แล้วล้างน้ำอีกหลายๆครั้ง  หอยจะสะอาดหมดโคลน ดิน และตะไคร่

เกร็ดความรู้(เลือกซื้อไข่สด)

ไข่เป็นอาหารโปรตีนราคาถูกของคนไทย  เหมาะสำหรับเด็กๆ  เพราะทำอาหารได้หลากหลายชนิด  ทั้งของคาว ของหวาน  ทั้งอาหารไทย  ทั้งอาหารฝรั่ง  สามารถ นำมา ลวก ต้ม ทอด  ปื้ง ตุ๋น  ได้หลากหลาย การเลือกซื้อไข่จึงต้องพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ ไข่สด และให้คงมีคุณค่าอาหารที่เป็นประโยชน์อย่างครบถ้วน
วิธีเลือกไข่นั้น  ให้ดูที่ผิวของเปลือกไข่  ต้องมีสีนวล  ผิวไม่เกลี้ยงเป็นมัน หรือมีสีคล้ำ  ไม่เปื้อนอุจจาระไก่ 
เมื่อเราอยู่ในที่ส่วนของเรา  และอยากตรวจสอบความสดใหม่ของไข่ เราสามารถทำได้  โดยนำไข่สดไปลอยน้ำ  ถ้าไข่ลอยเอาด้านข้างขึ้น แสดงว่าไข่สด แต่ถ้าเอาด้นหัวหรือด้านท้ายโด่งขึ้นแสดงว่าไข่นั้นไม่สด  เป็นไข่เก็บไว้นานแล้ว  ไม่ดีในการนำไปประกอบอาหาร

เกร็ดความรู้(วิธีเลือกผักบางชนิด) กะหล่ำ แตงกวา บวบ มะนาว

กะหล่ำดอก น้ำหนักมาก ใบห้มตรงโคนดอกมีสีเขียวสด ดอกมีสีขาวไม่ช้ำ  ไม่มีหนอนชอนไช  สามารถพลิกดูได้
กะหล่ำปลี  มีลักษณะแป้น  ไม่กลมเป็นลูกแตงโม  น้ำหนักมาก  เนื้อแน่น  ใบหุ้มชั้นนอกเขียวอ่อนออกขาว  มองดูสดใส
แตงกวาและบวบ  เลือกแตงกวาลูกที่มีลักษณะยาว  ไม่อ้วน  ไม่เขียวสด มีน้ำหนักแสดงว่ามีเนื้อแน่น ถ้าผิวออกเหลืองนั่นคือแตงกวาแก่เกินไปไม่ควรซื้อ
บวบต้องมีขนาดยาวตรง  ไม่อ้วนป้อม สีเขียวสด  มีน้ำหนักมาก
มะนาว  มะนาวเป็นเครื่องปรุงอาหารที่จำเป็น เพราะไม่ว่าจะเป็นยำต่างๆ ต้มยำ  ทำน้ำจิ้ม หรือทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มชุ่มคอก็ใช้มะนาวทั้งสิ้น  เวลาซื้อมะนาวจึงควรเลือกผลที่มีเปลือกบาง  สีเขียวหรือเหลือง ผิวเปล่งปลั่ง  ไม่เหี่ยวจะมีน้ำมาก  แต่ไม่มีกลิ่นหอมผิว เหมาะสำหรับทำน้ำจิ้ม
แต่ถ้าใช้ทำต้มยำ  ยำหรือตำน้ำพริก ควรเลอกมะนาวผิวเขียวสด  ผิวหนา  จึงจะให้กลลิ่นหอมของผิวผสมในรสอาหารมากกว่า 

เกร็ดความรู้(วิธีเลือกผลไม้บางชนิด)


เกร็ดความรู้(วิธีเลือกผลไม้บางชนิด)

มะม่วงมันซึ่งใช้รับประทานดิบๆนั้น  เวลสฃาซื้อให้เลือกซื้อชนิดที่มีผิวค่อนข้างเขียวนวล  ตรงหัวออกสีเหลืองนวลยังมีขั้วติดอยู่กับลูก  จับดูรู้สึกว่าแข็ง  ไม่นิ่มและผิวไม่เหี่ยว
ถ้าเป็นมะม่วงสุก  ผิวต้องเหลืองนวล ไม่มีรอยช้ำ  ผิวตึงไม่เหี่ยว
มังคุด ผิวเป็นสีม่วง  ขั้วเขียว  ผิวเต่งตึง  จับแล้วบีบดูเบาๆจะรู้สึกนุ่มมือ ไม่แข็งเป็นหิน
ส้มเขียวหวาน  ที่จะมีรสหวานแหลม  เปรี้ยวน้อย  จะต้องมีผิวเกลี้ยง  ผิวบางใส  เต่งตึง   ตรงขั้วต้องไม่นูน  ถ้านูนแสดงว่าเนื้อในฟ่าม  ไม่อร่อย
ส้มโอ    ผลเล็กใหญ่ไม่สำคัญ  แต่ต้องเป็นผลที่ค่อนข้างแบน  จุกสูงสีเขียวอ่อน  ถ้าผลสีเขียวแก่แสดงว่าส้มโอนั้นยังไม่แก่จัด  จะมีรสเปรี้ยว   ต้องเลือกลูกที่มีน้ำหนักมาก  แสดงว่าเนื้อแยะ และแกห่จัด  และต้องเลือกให้ตรงก้นของส้มโอบุ่มกดได้พอรู้สึกบุ๋มเพราะแก่จัดไส้กลวง  ถ้ายังอ่อนอยู่ก้นจะเสมอกันหรือก้นโป่งออกมาจนเห็นชัด